ข้าพเจ้านายณรงค์ พุ่มโพธิงาม มีบิดาชื่อคุณพ่อเปียวชวง แซ่ตั้ง มารดาชื่อคุณแม่เพ็กเตียง แซ่เตียว มีพี่น้องรวมทั้งหมด 14 คน ในปัจจุบันเหลือ 10 คน ผู้ชาย 4 คน ผู้หญิง 6 คน ผมเป็นบุตรคนที่ 3 ได้กำเนิดที่ตรอกจันทน์ เขตสาทร กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2485 พอผมอายุได้ 3 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ คลองสิบ ต.ลำหิน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และประกอบอาชีพค้าขายตามปกติ จนกระทั่งผมอานยุประมาณ 5 ขวบ เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตที่ลำบาก เพราะช่วงนั้นมีพี่น้องรวม 6 คน แต่รายได้ของครอบครัวเท่าเดิม ผมมีหน้าที่ต้องหุงข้าว-ซักผ้า-เลี้ยงน้องอีก 2 คน เตี่ย(คุณพ่อ) มีอาชีพซื้อไก่จากชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงแล้วหาบไปขายที่ตลาดคู้ ซึ่งมีระยะทางไกลจากบ้านประมาณ 5 กม. ไปกลับประมาณ 10กม. คุณแม่มีอาชีพรับจ้างเย็บ-ปะเสื้อผ้าเก่าขาดๆ
พออายุ 6 ขวบชีวิตผมได้ลำบากมากขึ้นคือ ในเดือนมกราคมขอองปีนั้นผมจะต้องนำเงินของครอบครัวไปซื้อลูกห่านมาเลี้ยงจำนวน 100 ตัว โดยใน 2 เดือนแรกนั้นจะให้กินหญ้าใกล้ ๆ บ้าน พอถึงเดือนมีนาคมจนถึงเดือนมิถุนายน ผมจะไล่ห่านไปเลี้ยงในทุ่งนา โดยให้ห่านกินข้าวเปลือกในนาเพราะว่าในสมัยนั้นชาวนาเกี่ยวข้าวแล้ว จะมีข้าวตกเป็นจำนวนมาก พอบ่าย 3 โมงเย็นโดยประมาณ ผมจะต้องไปทำการเผานา พอถึงเวลากลางคืนจะมีลมมาพัดเอาขี้เถ้าไปหมดเหลือแต่ข้าวเปลือกอยู่ในทุ่งนา ผมก็จะให้ห่านไปกินข้าวเปลือกอย่างนี้เป็นประจำ ซึ่งหลังจากที่ได้นำห่านไปกินข้าวตกเสร็จแล้วผมก็จะนำปิ๊ปไปเก็บข้าวตกที่เหลือมา แล้วนำข้าวเปลือกไปสีที่โรงสีข้าวแล้วเก็บไว้หุงกินต่อไป พอถึงเดือนกรกฎาคมผมก็จะนำห่านไปขาย หลังจากขายห่านแล้วผมก็จะซื้อลูกหมูมาเลี้ยงอีก 5 ตัว โดยนำต้นกล้วยมาหั่นเป็นฝอยๆ แล้วต้มผสมกับรำข้าวให้กินเป็นอาหาร ในระหว่างเลี้ยงหมูนั้นผมต้องเลี้ยงไก่และเป็ดควบคุ่กันไปด้วย เพราะผมจะต้องนำไข่ไก่กับไข่เป็ดไปขายเพื่อเอาเงินที่ขายไข่ได้มาซื้อรำข้าวจากโรงสีมาเลี้ยงหมู และในระหว่างที่ผมเลี้ยงห่าน-เลี้ยงหมู-เลี้ยงไก่-เลี้ยงเป็ดแล้ว ผมเองยังต้องหุงข้าว-ซักผ้า-เลี้ยงน้อง และมีหน้าที่ไปเก็บข้าวตกด้วย ทำลักษณะแบบนี้มาเป็นเวลา 5 ปี
พออายุได้ 11 ขวบ พ่อกับแม่ของผมมีความจำเป็นต้องย้ายครอบครัวมาอยู่ที่ตลาดคู้ ต.คู้ฝั่งเหนือ อ.หนองจอก จ.กรุงเทพฯ และได้ประกอบอาชีพโดยการขายกาแฟ ซึ่งทำให้ผมมีโอกาสได้ไปเรียนหนังสือ โดยได้เรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนสุเหร่าคู้ ช่วงบ่ายพอกลับจากโรงเรียน ผมก็จะไปขายปลาทูนึ่งหรือข้าวโพดคั่ว โดยพายเรือไปขายในคลองแสนแสบระหว่างวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ส่วนในวันเสาร์และวันอาทิตย์จะปั่นไอติม 1 ถัง ไปขายที่ตลาดคู้ ขายตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย 2 โมง โดยในช่วงเย็นผมจะต้องไปหาบน้ำมาใช้เที่ยวละ 2 ปิ๊บ ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์ต้องหาบน้ำมาให้เต็ม 1 ตุ่มใหญ่ ระยะทางที่หาบน้ำไปกลับประมาณ 300 เมตร ผมต้องดำรงชีวิตในลักษณะแบบนี้ทุกอาทิตย์อยู่ 4 ปี จนกระทั่งจบชั้นประถมปีที่ 4 ซึ่งผมตั้งใจจะเรียนหนังสือต่อ เพราะผมเรียนหนังสือค่อนข้างเก่ง คือตั้งแต่ป.1-ป.4 ผมสอบไล่ได้ที่ 1-ที่2 ไม่เกินที่ 3 มาตลอด ที่ไม่ได้ที่ 1 ตลอดเพราะผมตกในวิชาเขียนไทย แต่เหตุที่ผมเองไม่ได้ศึกษาต่อเนื่องจากครอบครัวของผมนั้นมีพี่น้องรวมผมด้วยมีจำนวน 10 กว่าคน ประกอบกับขณะนั้นพ่อแม่ยากจนมาก มีอาชีพขายกาแฟก็ไม่พอกิน ผมจึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ ในระยะแรกๆ ที่เข้ามาผมได้ไปทำงานเป็นเด็กส่งกาแฟก็ไม่พอกิน ผมจึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ ในระยะแรกๆ ที่เข้ามาผมได้ไปทำงานเป็นเด็กส่งกาแฟอยู่ที่วังแดง ร้านกาแฟที่ผมไปส่งนั้นอยู่ที่ซอยซึ่งตั้งอยู่กลางซอย ผมทำงานเดือนแรกได้รับเงินเดือนเป็นเงิน 75 บาท พอเดือนที่ 2 เจ้าของร้านได้ขึ้นเงินเดือนให้ผมเป็น 100 บาท พอเดือนที่4 ก้ขึ้นให้เป็น 150 บาท พอเดือนที่ 6 ขึ้นเป็น 200 บาท พอเดือนที่ 8 ขึ้นเป็น 250 บาท เดือนที่ 10 ขึ้นเป็น 300 บาท พอครบ 1 ปี ที่ได้ทำงานมาผมได้รับเงินเดือนเป็นจำนวน 400 บาท สาเหตุที่ทำให้ผมได้ขึ้นเงินเดือนเร็วเพราะผมทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร ผมเป็นคนบุกเบิกขยายลุกค้าให้ร้านมากมายตั้งแต่ที่ร้านขยายไปถึงวรจักร และขยายลูกค้าไปถึงสะพานเหล็กและผมยังขยายลูกค้าไปจนถึงคลองถมอีกด้วย เพราะในขณะนั้นบริเวณดังกล่าวเขากำลังขุดคลองอยู่ ผมได้ทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟวังแดง 2 ปี
พออายุ 16 ปี ผมได้ไปทำงานที่ร้านขายของชำและขายข้าวสารซึ่งอยู่แถวตลาดน้อย ผมต้องแบกข้าวสารครั้งละครึ่งกระสอบไปส่งที่ร้านขายข้าวหมูแดง ที่อยู่ไกลจากร้านไป ประมาณ 1 กม. โดยผมต้องใช้วิธีพักกับเสาไฟและข้างฝาบ้านเพราะน้ำหนักถึง 50 กก.ทำงานที่นี่อยู่ 1 ปี ตลอดเวลา 3 ปีที่ผมได้เข้ามาในกรุงเทพฯได้รับเงินเดือนเท่าไหร่ผมจะมอบให้แม่และเตี่ยทั้งหมด แม้แต่เงินพิเศษที่เถ้าแก่ให้หลังเลิกงานในเวลากลางคืน คืนละ 1 บาท เพื่อไปกินก๋วยเตี๋ยว ผมก็ไม่กิน เก็บไว้ให้เตี่ยกับแม่ทั้งหมด เพราะว่าทุกๆ ต้นเดือนเตี่ยกับแม่จะมาหาผมที่กรุงเทพฯ และแม่จะมาพร้อมกับน้ำตาของท่าน ผมสงสารแม่
พออายุ 17 ปี ผมได้ย้ายไปทำงานที่ร้านขายยาเอ็กเซ้ง ซอยกลันตัน สามแยกหมอมี ใกล้กับถนนเยาวราช
v