โดยทั่วไป ลิปสติกสีเข้มๆ จะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่ายกว่าลิปสติกสีอ่อนค่ะ
เพราะสารเคมีที่ใส่จะเป็นสีที่ทำให้เกิดการแพ้ นอกจากอาการอักเสบแล้ว หากยังคงใช้ลิปสติกไปเรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดใช้ ก็จะนำมาซึ่งรอยดำหลังภาวะการอักเสบ ฉะนั้นข้อแนะนำแรกในการรักษาก็คือ คุณต้องหยุดใช้ลิปสติกยี่ห้อนั้น แล้วพบแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญทางด้านผื่นแพ้สัมผัส ทำการทดสอบที่เรียกว่า Patch test ค้นหาว่าสารเคมีชนิดใดในลิปสติกที่ทำให้เกิดการแพ้อักเสบและรอยดำ แล้วลองค้นหาลิปสติกยี่ห้อใหม่ที่ไม่ได้มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการแพ้ แต่ถ้าหาไม่ได้ ก็คงต้องเลิกทาลิปสติกไปเลย ในส่วนของรอยดำนั้นธรรมชาติจะรักษาตัวเองให้ริมฝีปากหายดำภายใน 1-2 ปี แต่ถ้าใจร้อนกว่านั้นก็ใช้ยาในกลุ่มไวเทนนิ่งช่วยรอยดำก็หาไวหน่อย ภายใน 1/2 ปี
แต่ถ้ายังไม่หาย กังวลมาก หรือริมฝีปากดำแต่กำเนิดแล้วอยากมีริมฝีปากสีชมพูเหมือนสาวสุขภาพดีบ้าง วิธีสุดท้ายก็คือทำเลเซอร์ชนิดที่จัดการเม็ดสีโดยตรง อันนี้ต้องคุยกันให้ดีๆ ก่อน เพราะข้อเสียคือ ทำแล้วริมฝีปากจะแดงมาก เหมือนสีเนื้อภายในปาก เพราะเม็ดสีถูกทำลายไปหมดแล้ว หลายครั้งมากที่ตอนแรกคนไข้ยอมรับ ผ่านไป 2 อาทิตย์หลังสะเก็ดหลุดแล้วริมฝีปากเป็นสีชมพูสวย และหลังจากนั้นถ้าเป็นคนผิวคล้ำก็จะเห็นปากแดงลอยมาแต่ไกล คราวนี้รับตัวเองไม่ได้ มาให้หมอช่วยเติมปากให้มีสีคล้ำขึ้นก็ทำไม่ได้แล้ว |