Set as your home page  |  Bookmark                                                                                     Welcome to fristweb!   Join Now  |  Sign In  |  Build Site  |  Mail  |  Training

ไทย 简体中文 繁體中文 English 日本語 한국어 Tiếng Việt Deutsch Français Italiano Español Русско Portuguese
ที่บ้าน บริษัท ผลิตภัณฑ์ ข่าวสาร งาน และ อาชีพ คนหางาน คนขายของ ซื้อของ ตัวแทน ดำเนินการ การประสานงาน การฝึก

“กูเกิล” ทำป่วน เปิดตัว “สตรีท วิว” แอบถ่ายตามถนน

เวลา: 2007-06-11 มูลฐาน: www.bangkokbizweek.com

“กูเกิล” ทำป่วน เปิดตัว “สตรีท วิว” แอบถ่ายตามถนน

“กูเกิล อิงค์” เปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดของแผนที่ออนไลน์ “กูเกิล แมพ” ที่มี “สตรีท วิว” (Street View) รูปแบบไม่แตกต่างจาก “กล้องแอบถ่าย” ตามท้องถนน ขณะที่ผู้คนเดินผ่านไปมาอยู่ในแผนที่และสถานที่รอบๆ บริเวณนั้น

ภาพชุดแรกที่ “สตรีท วิว” นำมาเปิดตัวในเวบไวต์ เป็นภาพในแถบซานฟรานซิสโก ซึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังลูบจมูกอยู่บนมุมถนนสายหนึ่ง อีกคนกำลังนำขยะมาทิ้ง และชายอีกคนกำลังยืนอยู่นอกระเบียงอพาร์ตเมนต์ โดยไม่แน่ใจว่ามีวัตถุประสงค์อะไร

และที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีกลุ่มนักศึกษาสาวกำลังนอนอาบแดดอยู่ในชุดบิกินี ในซานโฮเซ่ กำลังมีชายหนุ่มที่ไม่แน่ใจว่ากำลังนอนหลับหรือว่าสลบอยู่ในมุมมืดๆ

ในไมอามี ก็มีกลุ่มนักประท้วงกลุ่มหนึ่ง กำลังถือป้ายอยู่หน้าคลินิกทำแท้ง และในเมืองต่างๆ คุณก็อาจเห็นผู้ชายเดินเข้าร้านหนังสือสำหรับผู้ใหญ่ หรือกำลังเดินออกมาจากบาร์

ภาพที่น่าอับอายหรือชวนให้เสื่อมเสียเหล่านี้ กำลังก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการเสิร์ชเอ็นจินอย่างกูเกิล กำลังพยายามมากเกินไปหรือไม่ ในการทำให้โลกนี้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และโชว์สถานที่ต่างๆ อย่างหมดเปลือก

“ทุกคนคาดหวังที่จะได้รักษาความเป็นส่วนตัวเมื่อพวกเขาดำรงชีวิตประจำวัน” เควิน แบงก์สตัน นักกฎหมายจาก Electronic Frontier Foundation ซึ่งเป็นองค์กรที่รณรงค์เรื่องสิทธิส่วนบุคคลทางอินเทอร์เน็ต กล่าว “มันมีอะไรที่แย่มากๆ ในแผนที่นี้”

กูเกิลพยายามที่จะสร้างกระแสการยอมรับและการกล่าวขวัญในวงกว้างจาก “สตรีท วิว” ที่ได้เปิดตัวไปด้วยภาพแผนที่ในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก, นิวยอร์ก, ลาส เวกัส และไมอามี เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และบริษัทจากเมืองเมาท์เทนวิวรายนี้ ยังมีแผนขยายบริการนี้ออกไปยังเมืองอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่นๆ ในอนาคตอีกด้วย

บริการดังกล่าวจะแสดงรูปภาพที่มีความละเอียดสูง เพื่อให้เห็นสภาพโดยรอบของท้องถนนแห่งนั้น เพื่อที่ว่าผู้ชมจะได้เห็นภาพของสถานที่ที่พวกเขาต้องการไป หรือเคยไปมาแล้วได้อย่าง “สมจริง” มากขึ้น และยังสามารถเรียกดูได้แบบ 360 องศา และในการป้องกันเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล กูเกิลกล่าวว่า ภาพเหล่านี้ได้มาจากการขับรถไปตามถนนสาธารณะต่างๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ภาพเหล่านี้จะมีการอัพเดทตามวาระที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้บริษัทไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่แน่นอนแต่อย่างใด

“ภาพที่เห็นเหล่านี้ไม่ได้แตกต่างไปจากการที่คนทั่วไปจะสามารถถ่ายได้ตามท้องถนน หรือเป็นภาพที่เห็นเมื่อเดินไปตามถนนต่างๆ” “เมแกน ควินน์” โฆษกของกูเกิลกล่าวในแถลงการณ์ “ภาพเหล่านี้เป็นภาพประเภทที่มีพบเห็นอยู่ทั่วไปในหลากหลายรูปแบบตามเมืองต่างๆ ทั่วโลก”

กูเกิลไม่ใช่บริษัทแรกที่ทำภาพตามถนนในลักษณะนี้ออกมา ก่อนหน้านี้ “อเมซอน ดอท คอม” ได้เปิดตัวแผนที่แบบคล้ายคลึงกันนี้ในปี 2005 ในเสิร์ชเอ็นจินของบริษัทที่ชื่อว่า A9.com และ “ยูดี แมนเบอร์” ผู้บริหารเสิร์ชเอ็นจินนั้นก็ย้ายมาร่วมงานกับกูเกิลแล้ว และ “ไมโครซอฟท์” ก็กำลังแสดงภาพบนท้องถนนในซานฟรานซิสโกและซีแอตเติลบนแผนที่ออนไลน์มาตั้งแต่ปีที่แล้ว

แผนที่ภาพของ A9 ที่ได้ถูกสั่งยกเลิกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เพราะทำให้เกิดความกังวลอย่างมากถึงการเห็นภาพของผู้หญิงเดินเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างเช่นบ้านพักคุ้มครองสตรี

ด้วยความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงข้อกล่าวหาเช่นนั้น กูเกิลพยายามระบุสถานที่ที่เลือกอย่างรอบคอบ ด้วยการติดต่อไปยังองค์กรชื่อว่า Safety Net Project at the National Network to End Domestic Violence ซึ่งทำให้ “ซินดี เซาท์เวิร์ธ” ผู้อำนวยการองค์กรนั้นพอใจไม่น้อย

“เราดีใจที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างกูเกิล ได้พยายามอย่างมากที่จะปกป้องผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเหล่านี้” เธอกล่าว

กูเกิลยังได้ให้บริการปุ่ม “ช่วยเหลือ” บนภาพใน “สตรีท วิว” เพื่อแสดงลิงค์ให้ผู้ใช้งานเข้าแสดงความจำนงขอลบรูปภาพที่เข้าข่ายว่าเป็นการระบุตัวคนได้ชัดเจนเกินไป และคนผู้นั้นไม่ต้องการเปิดเผยตัวในแผนที่แห่งนี้ โฆษกของบริษัท “วิกตอเรีย แกรนด์” กล่าวว่า กูเกิลมีคนยื่นคำร้องขอให้นำรูปออกไปเป็นจำนวนที่ “น้อยมาก”

“เอลลีน ไดมอนด์” คาดหวังว่าเธอจะสามารถโน้มน้าวให้กูเกิลนำภาพมาลงแทนภาพถนนในไมอามี ซึ่งเป็นภาพที่มีกลุ่มผู้ต่อต้านมารวมตัวกันสัปดาห์ละครั้ง เพื่อประท้วงการทำแท้ง โดยเป็นกลุ่มที่มีชื่อว่า A Choice for Women ซึ่งภาพนี้ยังคงมีอยู่ใน “กูเกิล แมพ” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นภาพที่มีกลุ่มผู้ประท้วงหลายรายรวมตัวกันหน้าคลินิกแห่งหนี่ง และเป็นภาพที่พนักงานในคลินิกอย่างไดมอนด์เป็นกังวลว่าจะทำให้ผู้ป่วยรายต่อๆ ไปหวาดกลัว และอาจเป็นการดึงดูดคนที่ชอบสร้างปัญหาให้มาคลินิกแห่งนี้ได้

“มันเป็นการรบกวนอย่างหนึ่ง เพราะว่ามันเป็นข้อความแบบหนึ่งที่เราต้องการส่งออกไป” ไดมอนด์กล่าว “มันเป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดที่ผู้ป่วยของเราอาจจะเข้ามาเห็น ทั้งๆ ที่เราต้องการให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยและได้รับการป้องกัน”

ไดมอนด์ยังกล่าวอีกว่า เธอกำลังมีปัญหาในการค้นหาวิธีที่ถูกต้องในการใช้เวบไซต์ของกูเกิล เพื่อแจ้งข้อร้องเรียนให้นำภาพดังกล่าวออกจากเวบไซต์นี้ไป

ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวเชื่อว่า สถานการณ์ที่ล่อแหลมแบบนี้ต่อไปจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทคโนโลยีมีความง่ายในการใช้งาน และแชร์รูปหรือวิดีโอทางอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดช่องโหว่ในการแสดงความรู้สึกออกมาอย่างเสรีตามสิทธิส่วนบุคคลที่พึงมี

“สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ การรักษาสมดุลระหว่างการรับรู้และความเป็นจริง และฉันคิดว่าในกรณีนี้ การรับรู้น่ากลัวกว่าความเป็นจริงมาก” “ลอร์เรน ไวน์สไตน์” ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มนโยบาย People for Internet Responsibility กล่าว

แบงก์สตันและไวน์สไตน์ ได้วิเคราะห์ร่วมกันว่า เพราะว่าภาพบนท้องถนนของกูเกิลถูกถ่ายมาจากสถานที่สาธารณะ บริษัทจึงมีความได้เปรียบในแง่มุมทางกฎหมายอยู่มาก

แต่แบงก์สตันไม่คิดว่ากฎหมายจะปล่อยให้กูเกิลหลุดพ้นไปได้ โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเน้นย้ำเหลือเกินว่าไม่ต้องการเป็นผู้ร้ายทำร้ายใคร เขาเป็นกังวลถึงคนที่จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือทางจิตใจหรือทางการแพทย์ อาจจะไม่เข้ารับการรักษา เพราะกลัวว่าภาพของตัวเองจะถูกจับได้โดยกล้องของกูเกิล

“มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการที่กูเกิลมีสิทธิตามกฎหมายที่จะทำ กับการมีความรับผิดชอบในสิ่งที่จะทำ” แบงก์สตันกล่าว เขาเชื่อว่า กูเกิลควรลบหรืออย่างน้อยก็แต่งภาพของคนตามท้องถนนที่พบให้เบลอเสียก่อนที่จะทำการโพสต์รูป “มันเป็นปัญหาที่เราทุกคนในสังคมต้องหาทางรับมือ และผมคิดว่าเราเพิ่งจะตระหนักว่าเรากำลังมาผิดทาง”

ในขณะที่ไวน์สไตน์คิดว่าประเด็นต่างๆ มีต้นเหตุมาจากบริการใหม่ๆ ของกูเกิลนั้น เป็นเรื่องหลักที่ควรต้องนำมาถกเถียงกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่เขาก็กังวลว่ามันอาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดกฎหมายใหม่ๆ ที่มีความรุนแรงออกมา

“มันเป็นเรื่องที่ลำบาก แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางอื่นที่จะหนีความจริงว่าสถานที่สาธารณะ อย่างไรก็ยังเป็นที่สาธารณะ” ไวน์สไตน์กล่าว “คุณคงไม่ไปสรรหาสถานที่มันผิดกฎหมาย เพื่อไปนำรูปมาลงต่อสาธารณะ เพราะการไม่แสดงภาพอาจมีความเสี่ยงมากกว่าการแสดงภาพให้เห็น”

จากสำนักข่าวเอพี By MICHAEL LIEDTKE

เรียบเรียงโดย กมลวรรณ มักการุณ

ศิลปะรูปถ่ายจาก "มือถือ"

แพทริเซีย เอลมี เลิกใช้กล้อง 35mm ของเธอไปอย่างถาวรตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ศิลปินที่ทำงานอยู่ในลอสแองเจลิสอย่างเธอกำลังเห่อเทคโนโลยีใหม่จากกล้องดิจิทัลที่เป็นอุปกรณ์เสริมของโทรศัพท์มือถือ

เอลมี บอกว่า เพียงแค่จับยัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวโปรดของเธอ เธอก็สามารถถ่ายรูปได้ทุกที่

เมื่อเรามาดูผลงานภาพถ่ายของเธอ ก็น่าประหลาดใจว่า กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ติดมากับโทรศัพท์มือถือนั้น สามารถถ่ายภาพสี ภาพขาวดำ ภาพแนวศิลปิน ด้วยมุมกล้องที่หลากหลายได้อารมณ์ในแบบของเธอได้อย่างยอดเยี่ยม แทบไม่น่าเชื่อว่า เธอจะบอกลากล้อง 35mm ราคาแพงและหันมาเล่นกล้องมือถืออย่างจริงจัง

เมื่อครั้งเอลมีไปขอให้แอลจีเป็นสปอนเซอร์ให้กับงานแสดงภาพถ่ายจากกล้องมือถือ แม้แต่ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ แอลจี รุ่นที่เธอกำลังใช้อยู่คือ LG1800 เองก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อว่าประสิทธิภาพของกล้องในมือถือรุ่นนี้สามารถถ่ายภาพได้สวยขนาดนี้

“เมื่อผู้คนเห็นรูปถ่ายเหล่านี้ พวกเขามักจะไม่เชื่อหรอกว่ามันมาจากโทรศัพท์มือถือ” เธอกล่าว พร้อมกับบอกว่า “ความคมชัด และความละเอียดของรูปมันสูงเกินกว่าที่กล้องมือถือจะทำได้”

และด้วยคุณภาพ บวกกับความมีศิลปะที่สะท้อนออกมาบนรูปแต่ละใบ ทำให้ จอห์น แมคคาวสกี เจ้าของแกลลอรี่เล็กๆ ในลอสแองเจลิส ตกลงให้เอลมีจัดแสดงภาพถ่ายของเธอที่แกลลอรี่ของเขา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการโชว์ผลงานภาพถ่ายที่พิมพ์ในระบบดิจิทัลด้วย

“ผมมองว่านี่คืออนาคต” แมคคาวสกีกล่าว และบอกอีกว่า “ต้องรอดูกัน อีก 2 ปี หรือ 10 ปี ก็ไม่แน่หรอก อาจจะเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วก็ได้ที่ผู้คนจะใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปแบบจริงจังไม่ต่างจากกล้องถ่ายรูป และกล้องดิจิทัล”

เอลมีกล่าวว่า อาการติด “กล้องมือถือ” ของเธอเริ่มต้นขึ้นเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว หลังจากที่เธอต้องการถ่ายรูปภาพตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่ตอนที่เธอเดินไปพบตึกหลังนั้นวันหนึ่ง แต่ปัญหาของเธอก็คือเธอลืมกล้องถ่ายรูปเอาไว้ที่บ้าน ในขณะที่เธอกำลังว้าวุ่นใจ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า เธอมีกล้องที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา โทรศัพท์มือถือของเธอนั่นเอง

เอลมีใช้หลักการในการถ่ายภาพในแบบของเธอ ทั้งการจัดแสง และดูองค์ประกอบของภาพซึ่งเธอเคยใช้กับกล้องนิคคอน 35mm ตัวเก่งของเธอ แต่ปรับให้มาใช้กับความละเอียด และข้อจำกัดของกล้องดิจิทัลบนมือถือ แม้ว่ามันจะไม่มีแฟลช และไม่มีฟังก์ชันซูมภาพเข้าออก แต่เธอก็อาศัยแสงธรรมชาติและใช้ตัวเองเดินหน้า ถอยหลังเพื่อกะระยะจนแน่ใจว่าภาพจะออกมาได้ดั่งใจ

“ฉันเพิ่งค้นพบว่ากล้องมือถือเป็นอะไรที่สะดวก และฉันชอบเพราะมันใช้ง่ายกว่าที่คิดเอาไว้มากมายนัก” เธอกล่าว “ตอนนี้ก็ทำงานกับอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับศิลปิน”

จากสำนักข่าวเอพี

เรียบเรียงโดย ดวงกมล วงศ์วรจรรย์

เกร็ดไอทีต่างแดน

๐ Dell โละพนักงาน 7,000 อัตรา

Dell ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับสองของโลก มีแผนลดพนักงานลง 7,000 อัตรา ภายหลังแถลงว่าจะลดแรงงานทั่วโลกลง 10%

จากยอดขายของบริษัทที่ลดลงแต่ค่าใช้จ่ายกลับเพิ่มขึ้น Michael Dell ผู้ก่อตั้งบริษัท Dell ที่กลับมารับหน้าที่บริหารบริษัทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กล่าวว่า ถึงแม้เป็นการยากที่จะลดการจ้างงานลง แต่ภาวะที่เกิดขึ้นทำให้ต้องทำ แต่ให้บริษัทสามารถส่งมอบคุณค่าที่ดีกว่าแก่ลูกค้า ในขณะนี้บริษัทจ้างงานมากกว่า 78,700 คนทั่วโลก

Dell กำลังพบกับความยุ่งยาก เนื่องจากราคาพีซีที่ลดลงและสภาพการแข่งขันอย่างรุนแรงจากคู่แข่งอย่าง Hewlett Packard (HP) ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนทีมบริหาร และมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงการบริการด้านเทคนิคสำหรับลูกค้า และเคลื่อนย้ายไปยังตลาดที่เติบโตสูงอย่างจีนและบราซิล

๐ ไมโครซอฟท์เปิดตัวเทคโนโลยี 'PlayTable' ในงาน D: All Things Digital

ไมโครซอฟท์ก้าวครั้งใหม่ในการนำเสนอการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ในงานประชุม D: All Things Digital

สำนักข่าว ZDnet กล่าวว่า อาจเป็นไปได้ที่ไมโครซอฟท์จะนำเสนอรูปแบบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิทัล ในชื่อ 'PlayTable' ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในการรับข้อมูลอินพุตจากอุปกรณ์ต่างๆ ในงาน D: All Things Digital

โดย PlayTable จะผนวกองค์ประกอบต่างๆ ที่คุณเคยพบเห็นใน iPhone ในอุปกรณ์ต้นแบบหลายชนิดของ Microsoft ซึ่งอาจมีการนำไปใช้ในเครื่องเล่นดิจิทัล เช่น Zune ไปถึงโทรศัพท์มือถือ หรือแม้แต่เกมคอนโซล (Xbox) ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่โครงการที่พัฒนาโดยแผนก Mobile and Entertainment จะรับผิดชอบอุปกรณ์เหล่านี้

๐ Firefox ชิงส่วนแบ่ง 25 เปอร์เซ็นต์

โปรแกรมเวบเบราเซอร์ยอดนิยมอย่าง Microsoft Internet Explorer กำลังสูญเสียส่วนแบ่งผู้ใช้ไปเรื่อยๆ โดย Firefox ที่มียอดผู้ใช้กว่า 25%

จากรายงานในเวบไซต์ W3Counter ที่เก็บประวัติการใช้เวบเบราเซอร์เพื่อท่องอินเทอร์เน็ต จากจำนวนผู้ชม 31,612,302 คน ในเวบไซต์ 4,411 แห่ง พบว่า ยอดผู้ใช้ Firefox เพิ่มขึ้นเป็น 25% (Firefox เวอร์ชั่น 2.0 จำนวน 14.47%, Firefox 1.5 จำนวน 9.10% และ Firefox 1.0 เท่ากับ 1.25%) ในขณะที่ IE มียอดผู้ใช้รวมกันประมาณ 66% ซึ่งแน่นอนว่ายอดผู้ใช้ Firefox มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากคุณสมบัติและความสามารถของโปรแกรมที่ถูกใจผู้ใช้

นอกจากนี้ในรายงานดังกล่าว ยังได้แสดงผลการใช้ระบบปฏิบัติการในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งพบว่า Windows XP มียอดผู้ใช้ 84.47% ในขณะที่มีผู้ใช้ Windows Vista เพียง 1.94%

 

 

 

 

 

Copyright © 2000 - 2009 บริษัท เนทเวอร์คกิ้ง เทคโนโลยี (ไทยแลนด์) จำกัด All Rights Reserved.