ช่องบรรจุ/กล่อง

ไทย

简体中文

繁體中文

English

日本語

한국어

Tiếng Việt

Deutsch

Français

Italiano

Español

Русско

Portuguese


ที่บ้าน	บริษัท	ผลิตภัณฑ์	ข่าวสาร	งาน และ อาชีพ	คนหางาน	คนขายของ	ซื้อของ	ตัวแทน	ดำเนินการ	การประสานงาน	การฝึก

ฟันธงธุรกิจขายวีดีโอออนไลน์ปีหน้าขาลง

เวลา: 2007-06-12 มูลฐาน: ผู้จัดการออนไลน์

ฟันธงธุรกิจขายวีดีโอออนไลน์ปีหน้าขาลง

       ฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ชฟันธงปีหน้าคือปีขาลงของเว็บไซต์ให้บริการขายไฟล์ภาพยนตร์หรือรายการทีวีแบบไอจูนส์ (iTunes) ของแอปเปิล ระบุจุดอิ่มตัวของธุรกิจจะเกิดขึ้นในปีนี้ คาดการณ์ตัวเลขยอดขายก่อนจะถึงช่วงขาลงไว้ที่ 279 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เชื่อผู้บริโภคจะหันไปหาเว็บไซต์มากมายที่เปิดให้บริการฟรีแต่มีโฆษณาแทน

       บริษัทวิจัยฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช (Forrester Research) ประมาณการณ์ว่าตัวเลขยอดขายไฟล์ภาพยนตร์และรายการทีวีออนไลน์ตลอดปีนี้จะมีมูลค่าราว 279 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 98 ล้านเหรียญ (ราว 3.3 พันล้านบาท) ที่คาดการณ์ไว้ในปีที่แล้วถึง 3 เท่าตัว

       การเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดนี้ฟอร์เรสเตอร์เชื่อว่าจะเป็นจุดอิ่มตัวของอุตสาหกรรมขายวีดีโอออนไลน์ โดยมั่นใจว่าในปีหน้า (2008) ผู้บริโภคจะซื้อวีดีโอออนไลน์ออนไลน์ลดลงจนส่งให้ยอดขายซบเซาไปตามๆกัน

       "ในตลาดวีดีโอออนไลน์ ไอจูนส์จะได้รับความนิยมเพียงชั่วคราวเท่านั้น ในช่วงแรกที่ผู้บริโภคต้องการวิธีการชมวีดีโอแบบใหม่ที่ดีกว่าการซื้อหรือการเช่าดีวีดี-วีซีดี และขณะนี้วิธีการชมวีดีโอรูปแบบใหม่กำลังยกพลมามากมาย" เจมส์ แม็คคิววีย์ (James McQuivey) นักวิเคราะห์ของฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช ผู้ดำเนินการสำรวจตลาดบริการวีดีโอออนไลน์กล่าว

       ตามรายงานของรอยเตอร์ส แม็คคิววีย์ถึงกับเรียกธุรกิจขายวีดีโอออนไลน์ว่าธุรกิจที่กำลังจะตาย โดยระบุว่าอัตราการเติบโตในปีหน้าและปีต่อๆไปจะไม่มีทางแตะระดับ 2-3 เท่าอย่างเช่นปีนี้ สาเหตุที่ทำให้แม็คคิววีย์ฟันธงเช่นนี้คือการแห่มาให้บริการวีดีโอออนไลน์แบบไม่คิดค่าใช้จ่ายของบริษัทสื่อมากมาย โดยเฉพาะบริษัทสื่อเจ้าตลาดรายเก่าที่ดับเครื่องชนเพื่อให้ตัวเองเข้าถึงผู้บริโภคในยุคอินเทอร์เน็ตอีกครั้งหลังจากถูกสื่อใหม่แทรกแซง

       บริการดาวน์โหลดภาพยนตร์และรายการทีวีฟรีในขณะนี้นั้นมีทั้งจากสตูดิโอผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้ให้บริการเช่าและจำหน่ายแผ่นดีวีดี-วีซีดี ผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวี และสำนักข่าว ยกตัวอย่างเช่น มูฟวี่ลิงค์ (MovieLink) ที่ค่ายสตูดิโอในฮอลลีวูดหนุนหลังอยู่ บริการอันบ็อกซ์ (Unbox) ของวอล์มาร์ท (Wal-Mart) และอเมซอนดอทคอม (Amazon.com) เอบีซีดอทคอม (ABC.com) ของวอล์ทดีสนีย์ (Walt Disney) รวมถึงรายการทีวีในเครือฟ็อกซ์ (Fox) ของนิวส์คอร์ป (News Corp.) ก็เปิดให้บริการชมออนไลน์ฟรีเช่นกัน

       "ของฟรีจะได้รับชัยชนะ" แม็คคิววีย์กล่าว โดยยอมรับว่าธุรกิจจำหน่ายไฟล์ภาพยนตร์หรือรายการทีวีเก่าหาชมยากที่แปลงมาจากฟอร์แม็ตวีดีโอจะยังมีผู้บริโภคให้ความสนใจอยู่ แม้จะมีการเก็บค่าบริการก็ตาม

       ทิศทางการเติบโตของบริการฟรีวีดีโอออนไลน์นั้นถือว่าสดใส ล่าสุดผู้ให้บริการเคเบิลทีวีและผู้ผลิตกล่องรับสัญญาณหรือเซ็ตท็อปบ็อกซ์ (set top box) ระบุว่ากำลังพัฒนาระบบที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถชมวีดีโอออนไลน์บนโทรทัศน์ได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยอย่างกว้างขวางในงานประชุมผู้ประกอบการเคเบิลทีวีที่จัดขึ้นในลาสเวกัสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

       นอกจากนี้ยังมีเอโอแอล (AOL) ของไทม์วอร์เนอร์ (Time Warner) ที่ประกาศความร่วมมือกับโซนี่ (Sony) เมื่อปีที่แล้ว ในการพัฒนาให้ผู้บริโภคสามารถชมวีดีโอของเอโอแอลได้บนทีวีจอแบนของโซนี่โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ใดเพิ่มเติม

       การศึกษาครั้งนี้พบว่า มีชาวออนไลน์ที่เป็นผู้ใหญ่เพียง 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ยอมจ่ายเงินเพื่อชมรายการทีวีหรือภาพยนตร์ โดยค่าบริการเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 14 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 466 บาทต่อปี เชื่อว่าเม็ดเงินค่าบริการที่ผู้บริโภคจะยอมจ่ายจะมีมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากทางเลือกในการรับชมที่น่าสนใจและแพร่หลายมากขึ้น

       แม็คคิววีย์แนะนำว่า ผู้สนใจให้บริการวีดีโอออนไลน์ควรจะทำให้คอนเทนท์ของตัวอย่างสามารถใช้งานกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย โดยควรจะให้ความสนใจกับความสามารถในการแชร์ไฟล์ให้มาก เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องการนำไฟล์ไปเล่นบนอุปกรณ์หลากหลายที่มีอยู่บนโฮมเน็ตเวิร์กหรือเครือข่ายข้อมูลภายในบ้าน

อ้างอิงจาก : ผู้จัดการออนไลน์