Chinese organization

กลุ่มบริษัทตรวจสอบแ
ละรับรองระบบแห่งประเทศจีน (บริษัท ซี ซี ไอ ซี กรุ๊ป จำกัด)

คณะกรรมการรับรอง
และควบคุมระบบแห่งชา
ติของประเทศจีน ( CNCA )

กองตรวจสอบคุณภาพสิน
ค้าและกักกันโรคแห่งชาติ
ของจีน( AQSIQ )

รู้จักกับ AQSIQ

เว็บไซท์ของ AQSIQ

สาขาต่างๆของ AQSIQ

รู้จักกับสาขาต่างๆของ AQSIQ

เว็บไซท์ของสาขาต่
างๆของ AQSIQ

การร่วมมือระหว่างห้องแลป
อื่นๆกับห้องแลปบริษัท ซี ซี ไอ ซี (ประเทศไทย) จำกัด

กวงต้ง. เซินเจิ้น.

เซียงไฮ้. เจียงซู.

 

นอกเหนือจากนี้.....

ห้องแลปต่างๆ ของไทย

 

ภาคเกษตรไทยแนวโน้มดี ราคาขยับยกแผง-ดีมานด์พุ่ง


เวลา: 2011-01-27 11:01:34
 
 24 ม.ค. 54
 
นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่าในเดือนม.ค. นี้ ราคาสินค้าเกษตรมีทิศทางราคาดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนธ.ค. 2553 เนื่องจากผลผลิตทางเกษตรยังเป็นที่ต้องการของตลาด ยกเว้นข้าวนาปี ที่ราคาปรับตัวลดลงเล็กน้อยแต่ยังถือว่าอยู่ในระดับราคาสูง

จากการวิเคราะห์ภาวะราคาสินค้าเกษตร ที่ออกสู่ตลาดในช่วงสัปดาห์ที่ 10-16 ม.ค. 2554 ราคายางพารา ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน ในเดือนม.ค. จะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 10% ของผลผลิตรวมที่คาดว่าจะได้ 3.29 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการซื้อมีสูง จากผู้ประกอบการในประเทศเร่งซื้อยางเพื่อรอการผลิต หลังจากเปิดโรงงานในช่วงเทศกาลวันหยุดยาว และผู้ส่งออกเร่งซื้อยางเก็บเข้าสต็อกเพื่อรอส่งมอบตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

ราคาที่เกษตรกรขายได้ ประเภทยางแผ่นดิบคุณภาพ 3 ตลาดหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 21 ม.ค. อยู่ที่ 161.66 บาทต่อกิโลกรัม ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. ซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนก.พ. 2554 ที่ท่าเรือกรุงเทพประเภทยางแผ่นรมควันชั้น 1 ราคากิโลกรัมละ 164.01 บาท เพิ่มขึ้น 4.83% ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ราคากิโลกรัมละ 162.86 บาท เพิ่มขึ้น 4.87% น้ำยางข้น กิโลกรัมละ 98.84 บาท เพิ่มขึ้น 3.09%

ราคาต่างประเทศซื้อขายล่วงหน้าส่งมอบเดือนก.พ. 2554 ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ที่ตลาดสิงคโปร์เฉลี่ยกิโลกรัมละ 534.53 เซนต์สหรัฐ หรือ 161.73 บาท สูงขึ้น 3.79% ที่ตลาดโตเกียวเฉลี่ยกิโลกรัมละ 438.90 เยน หรือ 159.01 บาท สูงขึ้น 4.31% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาปาล์มในประเทศสูง-ตปท.ลด

ปาล์มน้ำมันคาดว่าในเดือนม.ค.นี้ จะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 6.66% ของผลผลิตรวมที่คาดว่าจะมี 9.71 ล้านตัน ส่วนใหญ่จะออกสู่ตลาดมากช่วงปลายเดือนก.พ.-เม.ย.ของทุกปี ทำให้ราคาในช่วงนี้ยังอยู่ในระดับที่สูงมาก ราคาปาล์มสดที่ตลาดอ่าวลึก จ.กระบี่ วันที่ 21 ม.ค. เพิ่มขึ้นถึงกิโลกรัมละ 9.05 บาท ในขณะที่ราคาเฉลี่ยทั้งสัปดาห์อยู่ที่กิโลกรัมละ 7.59 บาท เพิ่มขึ้น 4.55% โดยราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ น้ำมันปาล์มดิบ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.75 บาท สูงขึ้น 6.82% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนตลาดต่างประเทศ สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดมาเลเซีย น้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยตันละ 3,753.42 ดอลลาร์มาเลเซีย 37.78 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ลดลง 2.13% ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบ เฉลี่ยตันละ 1,266.67 ดอลลาร์ 38.80 บาทต่อกก. ลดลง 3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาข้าวทรงตัวในระดับสูง

นางนารีณัฐ กล่าวว่า สำหรับราคาข้าวนาปีปรับลดลงเล็กน้อย แต่ยังทรงตัวสูง เนื่องจากการซื้อขายในตลาดไม่มากนักและความต้องการจากต่างประเทศมีน้อย โดยในเดือนม.ค. นี้ มีข้าวออกสู่ตลาด 4.85% ของผลผลิตรวม 22,176,990 ตัน ถือว่าเป็นช่วงปลายฤดูกาลผลิต

นอกจากนี้ โรงสีมีข้าวในสต็อกมาก และต้องระบายข้าวในสต็อกออกมา ขณะเดียวกันข้าวที่ออกสู่ตลาดมีความชื้นสูง ทำให้พ่อค้าซื้อในราคาต่ำลง โดยราคาที่เกษตรกรขายได้เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ประเภทข้าวเจ้าความชื้น 14.15% ที่สุพรรณบุรี ราคาทรงตัวที่ 8,900 บาทต่อตัน ข้าวหอมมะลิ จ.สระแก้ว ราคาทรงตัวที่ 12,800 บาทต่อตัน และราคาข้าวเปลือกเจ้า หอมมะลิ จ.สุรินทร์ ราคาทรงตัวที่ 13,000 บาทต่อตัน

ผลผลิตอ้อยเข้าโรงงาน29%

ส่วนอ้อยและน้ำตาลทราย คาดว่าในเดือนม.ค. นี้ จะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 29.75% ของผลผลิตปี 2553/2554 ที่คาดว่ามีกว่า 68.687 ล้านตัน โดยศูนย์บริหารการผลิต สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รายงานการเก็บเกี่ยวอ้อยและการผลิตน้ำตาลทรายตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. 2553 - 12 ม.ค. 2554 ว่ามีอ้อยเก็บเกี่ยวเข้าโรงงานน้ำตาลไปแล้วกว่า 22.402 ล้านตัน ผลิตเป็นน้ำตาลได้ 2.023 ล้านตัน แยกเป็นน้ำตาลทรายดิบกว่า 1.383 ล้าน ตัน และน้ำตาลทรายขาวกว่า 6.39 แสนตัน ความหวานของอ้อยเฉลี่ย 10.84 ซี.ซี.เอส. ผลผลิตน้ำตาลทรายเฉลี่ยต่อตันอ้อย 90.31 กิโลกรัมต่อตันอ้อย

ราคาน้ำตาลโลก"ขาขึ้น"

ด้าน นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการขายน้ำตาลโควตา ข. เปิดเผยว่า บริษัทอ้อยและน้ำตาลทราย จำกัด (อนท.) ได้รับจัดสรรให้ส่งออกน้ำตาลทรายดิบโควตา ข. ในฤดูกาลผลิต 2553/2554 จำนวน 8 แสนตัน ซึ่งขณะนี้ อนท.ได้จำหน่ายน้ำตาลไปแล้ว 7.16 แสนตัน ในราคาเฉลี่ยปอนด์ละ 22.43 เซนต์ ยังเหลือน้ำตาลทรายดิบที่ยังไม่ได้จำหน่ายอีก 84,000 ตัน ซึ่งตั้งเป้าหมายว่าน้ำตาลทรายดิบที่เหลือจะจำหน่ายได้ในราคาไม่ต่ำกว่าปอนด์ละ 30 เซนต์

ราคาจำหน่ายของน้ำตาลโควตา ข. จะใช้อ้างอิงในการคำนวณรายได้ของระบบแบ่งปันผลประโยชน์ 70:30 ซึ่งราคาที่ อนท.จำหน่ายได้ดังกล่าวจะทำให้ราคาอ้อยขั้นสุดท้ายสูงกว่าราคาอ้อยขั้นต้นที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบที่ตันอ้อยละ 945 บาท โดยราคาน้ำตาลโควตา ข. ที่เปิดประมูลขายได้ในปีนี้ทำราคาสูงสุดที่ปอนด์ละ 27 เซนต์ รวมทั้งค่าส่วนเพิ่มจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกหรือค่าพรีเมียมที่จำหน่ายได้สูงถึงปอนด์ละ 4.65 เซนต์ และถือว่าเป็นค่าพรีเมียมสูงสุดที่เคย อนท.เคยได้รับ

น้ำท่วมออสเตรเลียดันราคานิวไฮ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาอนท์ได้นำน้ำตาลของฤดูการผลิตปี 2554/2555 ที่จะส่งมอบในเดือนมี.ค. 2555 มาร่วมประมูลด้วย ซึ่งได้ค่าพรีเมียมที่ปอนด์ละ 1 เซนต์ สูงกว่าการจำหน่ายน้ำตาลช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วที่ได้ค่าพรีเมียมติดลบ โดยราคาน้ำตาลที่จำหน่ายได้ล่าสุด รวมกับค่าพรีเมียมแล้วทำให้จำหน่ายน้ำตาลที่ปอนด์ละ 25.75 เซนต์ ทำให้คาดว่าจะราคาอ้อยขั้นต้นช่วงเวลาการผลิต 2554/2555 จะไม่ต่ำกว่าตันอ้อยละ 1,200 บาท

แนวโน้มราคาอ้อยและราคาน้ำตาลมีทิศทางที่ดี โดยราคาน้ำตาลทรายดิบกำหนดส่งมอบในเดือนมี.ค. 2554 สูงถึงปอนด์ละ 31-32 เซนต์ หรือกิโลกรัมละ 21 บาท ถือเป็นราคาที่สูงสุดในประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลจากน้ำท่วมใหญ่ในรัฐควีนแลนด์ ออสเตรเลีย แหล่งปลูกอ้อยสำคัญของโลก และบราซิลที่เป็นผู้ปลูกอ้อยในอันดับ 1 ของโลกมีผลผลิตน้ำตาลน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

"คาดว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกจะไม่ปรับลดลงไปที่จุดต่ำสุดปอนด์ละ 6-9 เซนต์ อีกแล้ว เพราะต้นทุนการผลิตสูงขึ้นและมีการนำน้ำตาลไปสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น" นายณัฐพล กล่าว

โภคภัณฑ์ตลาดโลกขาขึ้น

กระทรวงเกษตรสหรัฐ (เอฟเอโอ) คาดการณ์แนวโน้มราคาข้าวว่า ยังคงเป็นช่วงขาขึ้นต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/2554 โดยข้าวขาวจะยังคงมีราคาสูงกว่า 500 ดอลลาร์ต่อตัน จากปัจจุบันที่ราคาขยับมาอยู่ที่ 520-530 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ข้าวหอมมะลิกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน จากปัจจุบัน 1,100-1,200 ดอลลาร์ต่อตัน เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ผลผลิตข้าวของผู้ผลิตหลายประเทศลดลง เนื่องจากภัยธรรมชาติ

เอฟเอโอ มองว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยง ที่อาจส่งผลต่อราคาข้าว คือการที่เงินบาทแข็งค่า พม่าและกัมพูชา สามารถผลิตข้าวในปริมาณสูงขึ้นมาก แต่ก็ยังมีปัจจัยบวก คือราคาน้ำมันทะยานต่อเนื่อง กระตุ้นให้ราคาโภคภัณฑ์เกษตรในตลาดโลกปรับตัวขึ้นตาม

ราคาน้ำตาลในปี 2554 มีแนวโน้มทะยานขึ้นต่อเนื่อง เพราะยังมีความต้องการน้ำตาลปริมาณสูง แม้ปริมาณผลผลิตน้ำตาลทั่วโลกคาดว่าจะออกมา 161.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2553 แต่บราซิลผู้ผลิตและส่งออกน้ำตาลอันดับหนึ่ง ของโลกอาจมีผลผลิตลดลง 3% เหลือ 39.4 ล้านตัน เพราะแห้งแล้ง

แนวโน้มราคายางพารา จะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงและผันผวนต่อไป หลังจากที่ราคายางพาราเพิ่งขยับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปเมื่อไม่นานนี้ เพราะปัญหาน้ำท่วมในไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย ขณะที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย ผู้ผลิตยางพาราอันดับ 2 และ 3 รองจากไทย ต่างประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่นกัน สวนทางกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากจีน จะช่วยพยุงราคาไม่ให้ปรับตัวลงง่ายนัก

ในระยะยาว เอฟเอโอ ยังเชื่อว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทเกษตร จะยังคงอยู่ในระดับสูง จากปัจจัยพื้นฐานความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานเป็นหลัก รวมถึงการเก็งกำไรในสินค้าเกษตรจากกระแสเงินที่ไหลเข้าสู่ตลาดเอเชีย โดยเฉพาะข้าวโพด ถั่วเหลือง และพืชที่เกี่ยวเนื่องกับพืชน้ำมัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง จนทำให้ต้องมีการนำสินค้าจากสต็อกออกมาใช้ น้ำมันปาล์ม จะมีราคาจะสูงขึ้นเฉลี่ย 20-40%

แนวโน้มที่ทิศทางราคาน้ำมัน มีโอกาสแตะ 90-100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้มีการนำพืชพลังงานมาใช้ทดแทนน้ำมันมากขึ้น

คาดน้ำมันทะยานต่อเนื่องทั้งปี

ตลาดน้ำมันดิบโลกยังตึงตัว ราคาน้ำมันเฉลี่ยปี 2553 อยู่ที่ระดับ 76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันคาดจะอยู่ที่ 88 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน น้อยกว่าปี 2553 ที่ปรับเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรป ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า ในปี 2554 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.2% มีผลต่อความต้องการใช้น้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันยังคงมีความผันผวน การผลิตน้ำมันในตลาดโลก อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ย 53.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่กลุ่มโอเปคคาดว่าจะมีกำลังผลิตส่วนเกินทรงตัวที่ 5-6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ปริมาณน้ำมันสำรองทั่วโลกจะอยู่ในระดับสูง

ทองคำจ่อแตะ1.6 พันดอลล์ต่อออนซ์

แนวโน้มราคาทองคำปี 2554 อยู่ในช่วงขาขึ้นจาก 4 เหตุผล คือ 1.แนวโน้มค่าเงินดอลล์ยังมีทิศทางอ่อนค่า และเงินสกุลหลักอื่นๆ เช่น เงินยูโร หรือเยน ยังคงผันผวน 2.สถาบันใหญ่ๆ ธนาคารกลางทั่วโลก ยังมีความต้องการซื้อทองคำเพื่อลดแรงกดดันค่าเงิน กองทุนก็ยังคงมีความต้องการซื้อทอง 3.เศรษฐกิจจีนและอินเดีย ยังมีอัตราการเติบโตสูง มีอัตราการบริโภคทองคำเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และ 4.ทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลก ยังไม่มีทีท่าจะปรับสูงขึ้นในระยะสั้นส่งผลบวกต่อราคาทองคำ

ราคาทองคำอยู่ที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวสูงเป็น 1,414 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และมีโอกาสขึ้นไปที่ 1,500-1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รวมถึงปริมาณทองคำเพื่อการลงทุน ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 40% ของยอดรวมจากเดิมที่เคยมีไม่ถึง 10%

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

เชื่อมต่อไปยังเพื่อนที่คุ้นเคย
Embassy of the People's Republic of China in Royal Thaiaseaneconthailand-chinaudnbkkThailand Chianesecaexpo
นอกเหนือจากนี้

องค์กรและหน่ว
ยงานของจีน

เกี่ยวกับเรา

ติดต่อเรา

รับสมัคร

ข่าว ซี ซี ไอ ซี
(ประเทศไทย) จำกัด

สภาพทั่วไปขอ
งประเทศไทย

ศูนย์ข่าว

การร่วมมือขอ
งเอเชียแปซีฟิก

สอบถามอัต
ราแลกเปลี่ยน


Copyright ©  C.C.I.C. (THAILAND) CO., LTD. All Rights Reserved.
Address:22 Soi Pipat 2, Convent Road, Silom, Bangrak, Bangkok10500, Thailand   10500
TEX:+ 66-2 2377740  +66-922801220  +886-13602270117
FAX:+ 66 (0) 2 2345446     Email: 
 ccicthai@gmail.com
Design by  fristweb.net