คุณอู่ยตำเหน่งกับเรา ที่ปรึกษาสุขภาพ | กลับไปหน้าแรง

โรควัยทอง

ขณะที่พวกเรากำลังถอนหายใจว่าช่วงเวลาแห่งความสาวกำลังจะหมดไปอยู่นั้น
พวกเราก็ได้ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยแห่งความน่าปวดหัว ซึ่งก็คือช่วงวัยหมดประจำเดือนนั่นเอง
วัยหมดประจำเดือนเป็นช่วงต่อระหว่างวัยผู้ใหญ่ตอนต้นกับวัยสูงอายุ
จะประกอบไปด้วยช่วงก่อนหมดประจำเดือน
ช่วงหมดประจำเดือนและช่วงหลังหมดประจำเดือนโดยกินระยะเวลาประมาณ10 – 20 ปี
คิดเป็นหนึ่งในสามของชีวิตผู้หญิง ช่วงวัยทองนี้เป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องเผชิญ
ในช่วงวัยทองนี้จะมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงความสูงอายุ เช่น ความเต่งตึงของผิวหนังลดลง มีริ้วรอยเกิดขึ้น
ความสามารถในการฟังลดลง กระดูกพรุน แต่อาการที่เห็นได้อย่างเด่นชัดทางกายภาพก็คือรังไข่หยุดทำงาน
ฮอร์โมนเพศลดลง จึงทำให้มีอาการต่างๆตามมาอีก เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออก
วิตกกังวล นอนไม่หลับ เป็นต้น ข้อมูลสถิติระบุว่าหนึ่งในห้าของประชากรในประเทศจีนนั้นอยู่ในช่วงวัยทอง
ผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าวัยทองเป็นจุดเริ่มต้นของความแก่ชราในมนุษย์
ด้วยเหตุนี้เองปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวัยทองจึงได้รับความสนใจจากทางการแพทย์และประชาชนในสังคมอย่
างล้นหลาม

อะไรคือโรควัยทอง

เมื่อพูดถึงโรคในวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุประมาณ 45 ปี ก็จะนึกไปถึงการเปลี่ยน
แปลงของประจำเดือน อาการร้อนวูบวาบ มีเหงื่อออก นอนไม่หลับ ปวดบริเวณหลัง เอวและข้อต่อ
อารมณ์แปรปรวนง่าย เป็นต้น
ทางการแพทย์ระบุว่าวัยหมดประจำเดือนเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงทุกคนจะต้องเผชิญ
เป็นช่วงที่ประสิทธิภาพของระบบสืบพันธุ์มีการถดถอย
เนื่องจากในช่วงนี้รังไข่จะหยุดทำงานจึงทำให้ระดับฮฮร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายลดลงซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิ
ดโรคต่างๆขึ้นในผู้หญิง ทางการแพทย์เรียกว่า Menopause ผู้หญิงกว่า 85-90% โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุระหว่าง 45-
55 ปี จะมีอาการของโรคเกิดขึ้นซึ่งจะขึ้นอยู่กับสุขภาพและกรรมพันธุ์ของแต่ละบุคคล
ถ้าไม่รักษาอย่างทันท่วงทีอาจจะทำให้เกิดโรคต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพในบั้นปลายชีวิตได้
เช่นโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคช่องคลอดอักเสบในผู้สูงอายุ ภาวะกระดูกพรุน
อัลไซเมอร์ เป็นต้น

อันตรายในช่วงวัยหมดประจำเดือน
โรคในวัยหมดประจำเดือนนั้นเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้หญิงหลายคน ผู้หญิงกว่า 85–90%
ต้องทนทุกข์ทรมานกับโรคที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดประจำเดือนนี้ (โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคมะเร็ง
กระดูกพรุนหรือกระดูกหัก การทำงานของระบบประสาทไม่ปกติ )
โรคเหล่านี้อาจจะรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถ้าหากไม่รีบรักษาโรคในวัยหมดประจำเดือนนี้แต่เนิ่นๆ
ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายในบั้นปลายของชีวิตมากยิ่งขึ้นไปด้วย

รู้ล่วงหน้าว่าจะหมดประจำเดือนเมื่อไหร่
ผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่วัยทองจะมีสัญญาณบ่งบอกที่ค่อนข้างชัดเจน
ปกติแล้วสามารถที่จะสังเกตได้จากปัจจัยและอาการต่อไปนี้
1. จากกรรมพันธุ์
2. อายุที่เริ่มมีประจำเดือนจะแปรผกผันกับอายุที่เข้าสู่วัยทอง ก็คือประจำเดือนเริ่มเร็วเท่าไหร่
ก็จะเข้าสู่วัยทองช้าเท่านั้น
3. อาการที่เป็นสัญญาณบอกว่าผู้หญิงเริ่มย่างเข้าสู่วัยทอง: มีอาการของกลุ่มโรคในวัยทอง
(ปวดและบวมบริเวณเต้านม เลือดออกในช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ บวมน้ำ ตกขาวเพิ่มขึ้น ปวดศรีษะ
น้ำหนักเปลี่ยนแปลง มีการเปลี่ยนแปลงในความต้องการทางเพศ อ่อนเพลีย เป็นต้น) เกิดขึ้น
และมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น กระวนกระวาย กังวล ขี้สงสัย
4. ประจำเดือนมาไม่ปกติ
จากสัญญาณและอาการต่างๆดังที่กล่าวมาประกอบกับความรู้สึกทางร่างกายและจิตใจของตัวเอง
ผู้หญิงก็สามารถที่จะทราบได้เองว่าตนเองนั้นเข้าสู่วัยทองแล้วหรือยัง

ทำอย่างไรให้ปลอดภัยในวัยหมดประจำเดือน
ในชีวิตคนเราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศถึงสองครั้งด้วยกัน
ครั้งแรกคือภาวะฮอร์โมนเพศเพิ่มสูงขึ้นซึ่งส่งผลให้เด็กเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
ครั้งที่สองคือช่วงที่ภาวะฮอร์โมนเพศลดลง ซึ่งจะทำให้ผู้ใหญ่เข้าสู่ช่วงวัยหมดประจำเดือน
อาการของโรคในวัยหมดประจำเดือนส่วนใหญ่จะรู้สึกได้ด้วยตนเอง อาการของโรคในวัยหมดประจำ
เดือนของผู้หญิงนั้นจะเกี่ยวข้องกับสภาพจิตใจ สุขภาพร่างกาย ลักษณะนิสัย
ตำแหน่งทางสังคมและแม้แต่ความอดทนอดกลั้น
อาการที่ปรากฎในวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิงในแต่ละอาชีพนั้นก็จะไม่เหมือนกันด้วย
ผู้หญิงไม่จำเป็นที่จะต้องตื่นกลัวกับโรคในวัยหมดประจำเดือน เพียงแค่เตรียมใจให้พร้อม
สร้างสุขลักษณะในการกิน ทำอารมณ์ให้เบิกบานอยู่เสมอ ออกกำลังกายให้เหมาะสม
ขณะเดียวกันปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิด ปกติทางสรีระและจิตใจ ทำการรักษาภายใต้การดูแลของแพทย์
เพียงแค่นี้คุณผู้หญิงก็จะผ่านช่วงวัยทองไปได้อย่างปลอดภัย

โรคในวัยหมดประจำเดือนกับการใช้ฮอร์โมนทดแทน
การใช้ฮอร์โมนทดแทนรักษาโรคในวัยหมดประจำเดือนเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ
วิธีนี้สามารถลดอาการส่วนหนึ่ง(อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกง่าย นอนไม่หลับ
เป็นต้น)ที่จะเกิดขึ้นในช่วงวัยหมดประจำเดือนได้
แต่ในขณะเดียวกันก็พบว่าการใช้ฮอร์โมนทดแทนก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็งและมีผลข้าง
เคียงต่างๆ จากข้อมูลทางสถิติพบว่าผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนทดแทนที่พบบ่อยๆได้แก่
เกิดอาการบวมเจ็บที่เต้านม เลือดออกในช่องคลอดอย่างไม่มีสาเหตุ ตกขาวมากขึ้น ความดันเลือดสูงขึ้น
น้ำหนักเพิ่มขึ้น เป็นต้น
ขณะเดียวกันการเลือกใช้ฮอร์โมนทดแทนนั้นจะทำให้อัตราการเกิดมะเร็งในมดลูกและมะเร็งเต้านมเพิ่มสูงขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชี้แนะว่า
การรักษาโดยใช้ฮอร์โทนทดแทนนั้นควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อที่ว่าแพทย์จะได้สั่งยาให้ตามประวัติแ
ละพันธุกรรมทางครอบครัวของคนไข้