ไอบีเอ็มชี้แนวโน้มการให้บริการและเสนอขายสินค้าในธุรกิจค้าปลีกว่าจะมีทั้งหน้าร้านแบบปัจจุบันและแบบผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งเป็นหน้าร้านเสมือนจริงโดยผู้บริโภคจะเป็นผู้สร้างแรงผลักดันให้กับผู้ประกอบการ
เฟรดเดอริค แลม ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมทางด้านอุตสาหกรรมค้าปลีก ไอบีเอ็ม กล่าวว่า ในอนาคต ผู้บริโภค คือผู้กำหนดลักษณธของธุรกิจค้าปลีกว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด ซึ่งหลักสำคัญของธุรกิจค้าปลีกในอนาคตอาจจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตัวสินค้า แต่จะรวมไปถึงการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายๆกัน (Community Experience) หรือการให้บริการตนเอง (Self Service) ที่ลูกค้าสามารถทีจะเข้าถึงสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์การสื่อสาร สื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ รวมไปถึงเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตสามมิติ ซึ่งเป็นการสร้างบรรยากาศการซื้อสินค้าที่เสมือนจริง ผู้ซื้อและผู้ขายจะสามารถทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเองทั้งการนำเสนอและค้นข้อมูลสินค้า การเลือกและลองใช้ การสั่งซื้อสินค้า การทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านทาง "Virtual World" หรือโลกเสมือนจริง
"จากผลสำรวจข้อมูลของทีมวิจัยของไอบีเอ็ม พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่จะหันมาใช้การค้นคว้าหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตถึง 65 % และมีอีกไมต่ำกว่า 27% ที่เห็นโฆษณาตามอินเทอร์เน็ตและเกิดความสนใจในตัวสินค้าๆนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่เกิดจากไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิต"
แลมกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกเกิดความเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาจากเทคโนโลยีแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงได้จากทุกที่(Pervasive Access) ผ่านอุปกรณ์การสื่อสาร เครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆที่อยู่ในชีวิตประจำวัน
"ธุรกิจค้าปลีกไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ขายเป็นผู้แนะนำสินค้าเพียงอย่างเดียวแล้วเพราะจากการที่มีอินเทอร์เน็ตทำให้ใครๆก็สามารถกลายเป็นผู้ขายได้ ไม่ว่าจะเป็นผ่าน ebay thaisecondhand และอื่นๆที่ทำให้สามารถเปิดหน้าร้านผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ และที่สำคัญที่สุดคือการนำเสนอขายสินค้าแบบเสมือนจริง (Product Virtualization) ที่ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าโดยไม่จำเป็นต้องไปที่ร้านจริงๆ โดยใช้คอนเซ็ปต์ของ Mass Custimization มาเป็นมาตรฐานในการนำเสนอขายสินค้าและบริการต่างๆ"
สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือไอบีเอ็มกำลังร่วมมือกับลูกค้าหลายสิบรายทำการทดลองโดยการนำเทคโนโลยี โลกเสมือนจริงมาใช้ในการทำธุรกิจในทุกๆส่วน โดบผู้ใช้สามารถเข้าไปทดลองได้จากตัวโปรแกรมที่ชื่อว่า Second Life ผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่ www.secondlife.com
การร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดจากแนวคิดที่ไอบีเอ็มประกาศไว้ในปีที่ผ่านมา (2549) ครั้งนั้นไอบีเอ็มได้ออกแนวคิดเกี่ยวกับการค้าปลีกแบบใหม่ซึ่งใช้การยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงสินค้าต่างๆ โดยใช้นวัตกรรมใหม่ๆมาเสริมให้ธุรกิจมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวนั้นเริ่มแพร่หลายแล้วในต่างประเทศ
นายกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธุรกิจทั่วไปและธุรกิจอุตสาหกรรม ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าวว่า หลักสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องมีคือ ต้อสร้างความแตกต่างผ่านประสบการณ์ของลูกค้า เร่งสร้างแบรนด์ให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนเราเป็นมากกว่าห้างร้านธรรมดา นอกจากนี้ยังต้องทุ่มเททรัพยากรเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินการอย่างเต็มที่ และสุดท้ายคือระบบการบริหารและการจัดการรูปแบบการนำเสนอสินค้าที่จะต้องปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของการตลาด
Company Relate Link :
IBM